วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

กำเนิดเกมอิเล็กทรอนิกส์

.. 

   กำเนิดเกมอิเล็กทรอนิกส์

ถึงแม้ว่า เกมนั้นจะมีประวัติที่ยาวนานและปรากฏทุกพื้นที่บนโลกใบนี้ ซึ่งสาระสำคัญของระบบเกมนั้นคือช่วยการกระตือรืร้นในการทำงาน คิดวิเคราะห์และผ่อนคลายจากการทำงาน เช่นการล่าสัดประยุกต์มาเป็นเกมล่าสัตว์ และก็ได้วิวัฒนาการเป็นเกมกีฬา เกมกระดาน ไปจนถึงเกมที่ปฏิวัติเทคโนโลยีทำให้เกิดการวิวัฒนาการสื่อบันเทิงในยุคอนาคต นั่นคือเกมอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่รู้จักกันในนามของวีดีโอเกม
….. เกมอิเล็กทรอนิกส์ Video game เป็นซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์เพื่อความบันเทิงชนิดหนึ่ง โดยใช้ระบบไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์เข้ามาเป็นอุปกรณ์หลักในการเล่น ซึ่งระบบจะทำการประมวลครูปแบบการเล่นและคะแนนที่ได้รับอย่างรวดเร็ว และจุดเด่นของเกมประเภทนี้ก็คือมีความสามารถเปลี่ยนเกมจากเกมหนึ่งไปอีกเกม หนึ่งได้โดยไม้ต้องเซ็ตระบบให้วุ่นวาย และผู้พัฒนาสามารถพัฒนาเกมได้หลากหลายรูปแบบ
….. สำหรับการกำเนิดเกมอิเล็กทรอนิกส์นั้น เริ่มต้นมาจาก ทศวรรษที่ 50 ช่วงสงครามเย็นได้เปิดฉาก การพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่อจำลองการรบและการใช้ขีปนาวุธ  แต่กำเนิดเกมอิเล็กทรอนิกส์จริงๆนั้น เกิดขึ้จจากนักฟิสิกซ์คอมพ์พิวเตอร์ที่พัฒนาเทคโนโลยีจำลองการรบ ปี 1958 วิลเลียม วิลลี ฮิกกินโบแธ ซึ่งเคยทำงานกับระเบิดปรมาณู ลูกแรก ได้เปลี่ยนแปลงเส้นพื้นฐานสองเส้นกับลูกบอลเด้งได้ ให้กลาย เป็นประสบการณ์ความบันเทิงเชิงปฏิสัมพันธ์บนคอมพิวเตอร์ นั่นคือเกม“เทนนิสฟอร์ทู”

เกมอิเล็กทรอนิกส์เกมแรกของโลก
.. เมื่อสงครามพัฒนาไปเกมก็พัฒนาตามไปด้วย จากการสู้รบที่อยู่ในสนามรบ ก้าวไปสู่การสู้รบในสงครามอวกาศแบบเสมือนจริงอย่าง “สเปซวอร์” แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ทศวรรษ ที่ 60 เมื่อสงคราม ในเกาหลี เบอร์ลิน และเวียดนามถูกรายงานผ่านช่องทางอย่าง โทรทัศน์ ราล์ฟ แบร์ ก็เปลี่ยนมันให้กลายเป็นเครื่องเล่นเกมในบ้านระบบแรกที่เรียกว่า เครื่องแม็กนาว็อกซ์ โอดิสซี (Magnavox Odyssey)

Pong เกมอาเขตตัวแรกที่ให้กำเนิดเกมถล่มบล็อกอันโด่งดัง
….. ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเองปีค.ศ. 1972 Allan Alcorn ผู้พัฒนาเทคโนโลยีของ Atari ได้พัฒนาเกมตู้ (อาเขต) เกมแรกของที่ได้จำลองการเล่นปิงปอง ซึ่งมีชื่อว่า “Pong” เป็นเกมที่สามารถเล่นได้ 2 คน โดยในช่วงแรกนั้น Nolan Bushnell ผู้ มอบหมายต้องการพัฒนาเพื่อเป็นอุปกรณ์การศึกษาของนักศึกษาวิชาวิศวะคอมพ์พิว เตอร์ ซึ่งในช่วงแรกๆ นั้นมีราคาที่สูงมาก แต่ได้เห็นช่องทางในการพัฒนาสำหรับเชิงพาณิชย์จึงได้พัฒนาเกมตู้ให้สามารถ ใช้งานได้ในศูนย์การค้าและได้พัฒนาเป็นเครื่องคอนโซลเครื่องแรกที่มี คุณสมบัติทั้งเป็นวีดีโอเกมที่สามารถเล่นได้ 2 คน เปลี่ยนเกมได้ และราคาไม่สูงมาก ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากทีเดียว จึงเรียกได้ว่าเกมอาเขตหรือเกมตู้ได้พัฒนามาเป็นเกมคอนโซล


Atari กับเครื่องคอนโซลรุ่นแรก
….. ในขณะเดียวกัน ปีค.ศ. 1980 ที่ประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลการเล่นเกมคอนโซลจาก Atari นั้นก็มีผู้สนใจที่จะพัฒนาวีดีโอเกมในประเทศญี่ปุ่น 1 ในนั้นคือ Nitendo ที่ได้พัฒนาเกมคอนโซลรูปแบบพกพาที่เรียกกันว่า Game & Watch หรือเกมกดที่มีราคาถูก เล่นได้ทุกที่ ซึ่งพัศนามาหลายรูปแบบและเป็นการพัฒนาสู่เกมกดพกพาเช่น Gameboy หรือ Nitendo DS เป็นต้น
…… และ 1983 Nitendo ต้องการจะพัฒนาเครื่องเล่นเกมคอนโซลทีมีราคาถูกที่มีราคาที่ถูกและทันสมัยกว่าของ Atari ซึ่งออกมาเป็น Family Compututer หรือเรียกย่อๆ ว่า Famicom ด้วยระบบปุ่มกดแทนคันโยกซึ่งมีความสามารถในการต่อเข้ากับโทรทัศน์เพื่อแสดง ผลแบบ 8 Bit และยังเปลี่ยนตลับเกมไปมาได้ตามต้องการ ซึ่งทำให้เกิดกระแสการพัฒนาเครื่องเล่นเกมคอนโซลหลายค่าย พัฒนากลไกต่างๆ เช่นระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับตั้งแต่เลเซอร์ คลื่นและกล้องตรวจจับการเคลื่อนไหว และพัฒนาเทคโนโลยีตั้งแต่ 8 Bit จนถึงระดับ 3D Engine ไปอีกนานแสนนาน


2 เกมรุ่นบุกเบิกของญี่ปุ่นและ Nitendo
…… กลับมาที่ระบบ PC บ้าง หลังจากที่ IBM ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเครื่องคอมพ์พิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ซึ่งไว้ใช้สำหรับการทำงานประมวลผลต่างๆ เช่นการบะัญชีหรือการคำนวณต่างๆ แต่ได้ใส่เกม PC สำหรับเล่นแก้เครียดด้วย แต่ที่เด่นชัดที่สุดก็คื Free Game PC ของ Microsoft ที่ได้พัฒนาระบบที่ใช้งานง่ายกว่าแบบ DOS และได้พัฒนาเกมที่มีความสมจริงในรูปแบบการเล่น Solitaire หรือ Minesweeperที่ สามารถจับไพ่หรือขุดหาระเบิดได้ด้วยระบบเมาส์โดยไม่ต้องใส่โค๊ต และด้วย PC ในสมัยนั้นต้องใส่โปรแกรมและติดตั้ง เกม PC จึงได้กำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ และมีระบบเล่นที่ำไม่ซับซ้อน สมจริงในด้านการควบคุม

เกม PC Counter Strike ที่มีจุดเด่นในด้านการใช้ระบบ LAN เล่นได้ทุกคนที่อยู่ในระยะเชื่อมต่อ
….. นอกจากนี้เกม PC นั้นสามารถเพิ่มรูปแบบการเล่นแบบเครือข่ายที่เรียกว่า Local area network (LAN) ที่สามารถเชื่อมเครือข่ายสั้นๆ และสามารถเล่นพร้อมกันได้ เช่น counter strike หรือเกมแนว Real-Time Strategy (RTS) เช่น Command & Conquer จน กระทั่งได้กำเนิดระบบอินเทอร์เน็ตตามบ้านเรือนอย่างเป็นทางการและเสถียรที่ สุด เกม PC จึงได้ปรับรูปแบบให้สามารถเล่นผ่านอินเทอร์เน็ตแบบ Real Time จนกระทั่งที่ประเทศเกาหลี ได้มีการพัฒนาโดยการตัดระบบบางส่วนและเน้นรูปแบบอนนไลน์ให้มากขึ้น จนกำเนิดเป็นเกมออนไลน์เกมแรกของโลกอย่าง King Of King Online ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่เน้นการเล่นแบบออนไลน์ ระบบ RPG ที่สมจริงอย่างมาก โดยเฉพาะระบบสังคม เช่นระบบปาร์ตี้ผจญภัย เป็นต้น เนื่องด้วยการเล่นที่ต้องใช้ “สังคม” และสามารถเล่นได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องซื้อแผ่นโปรแกรมเป็นตัวเชื่อมต่อ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถเล่นได้ฟรีก่อน

ระวัติกีฬาตะกร้อต่างประเทศ กีฬาเซปักตะกร้อ

การแข่งขันตะกร้อตะกร้อ เป็นการละเล่นของไทยมาแต่โบราณ แต่ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่ามีมาตั้งแต่สมัยใด แต่คาดว่าราว ๆ ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประเทศอื่นที่ใกล้เคียงก็มีการเล่นตะกร้อ คนเล่นไม่จำกัดจำนวน เล่นเป็นหมู่หรือเดี่ยวก็ได้ ตามลานที่กว้างพอสมควร ตะกร้อที่ใช้เดิมใช่หวายถักเป็นลูกตะกร้อ ปัจจุบัน นิยมใช้ลูกตะกร้อพลาสติก
การเตะตะกร้อเป็นการเล่นที่ผู้เล่นได้ออก กำลังกายทุกสัดส่วน ฝึกความว่องไว ความสังเกต มีไหวพริบ ทำให้มีบุคลิกภาพดี มีความสง่างาม และการเล่นตะกร้อนับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของไทยอย่างหนึ่ง
ในการค้นคว้าหาหลักฐานเกี่ยวกับแหล่ง กำเนิดการกีฬาตะกร้อในอดีตนั้น ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจนว่ากีฬาตะกร้อนั้นกำเนิดจากที่ใด จากการสันนิษฐานคงจะได้หลายเหตุผลดังนี้
ประเทศพม่า เมื่อประมาณ พ.ศ. 2310 พม่ามาตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์สามต้น ก็เลยเล่นกีฬาตะกร้อกัน ซึ่งทางพม่าเรียกว่า “ชิงลง”
          ทางมาเลเซียก็ประกาศว่า ตะกร้อเป็นกีฬาของประเทศมาลายูเดิมเรียกว่า ซีปักรากา (Sepak Raga) คำว่า Raga หมายถึง ตะกร้า
         ทางฟิลิปปินส์ ก็นิยมเล่นกันมานานแล้วแต่เรียกว่า Sipak
         ทางประเทศจีนก็มีกีฬาที่คล้าย กีฬาตะกร้อแต่เป็นการเตะตะกร้อชนิดที่เป็นลูกหนังปักขนไก่ ซึ่งจะศึกษาจากภาพเขียนและพงศาวดารจีน ชาวจีนกวางตุ้งที่เดินทางไปตั้งรกรากในอเมริกาได้นำการเล่นตะกร้อขนไก่นี้ไป เผยแพร่ แต่เรียกว่าเตกโก (Tek K’au) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกขนไก่
         ประเทศเกาหลี ก็มีลักษณะคล้ายกับของจีน แต่ลักษณะของลูกตะกร้อแตกต่างไป คือใช้ดินเหนียวห่อด้วยผ้าสำลีเอาหางไก่ฟ้าปัก
         ประกาศไทยก็นิยมเล่นกีฬาตะกร้อมายาวนาน และประยุกต์จนเข้ากับประเพณีของชนชาติไทยอย่างกลมกลืนและสวยงามทั้งด้าน ทักษะและความคิด

 

ประวัติกีฬาตะกร้อในประเทศไทย


   ในสมัยโบราณนั้นประเทศไทยเรามีกฎหมายและวิธีการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยการนำเอานักโทษใส่ลงไปในสิ่งกลมๆที่สานด้วยหวายให้ช้างเตะ แต่สิ่งที่ช่วยสนับสนุนประวัติของตะกร้อได้ดี คือ ในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาของรัชกาลที่ 2 ในเรื่องมีบางตอนที่กล่าวถึงการเล่นตะกร้อ และที่ระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเขียนเรื่องรามเกียรติ์ ก็มีภาพการเล่นตะกร้อแสดงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้
โดยภูมิศาสตร์ของไทยเองก็ส่งเสริมสนับสนุนให้เราได้ทราบประวัติของตะกร้อ คือประเทศของเราอุดมไปด้วยไม้ไผ่ หวายคนไทยนิยมนำเอาหวายมาสานเป็นสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงการละเล่นพื้นบ้านด้วย อีกทั้งประเภทของกีฬาตะกร้อในประเทศไทยก็มีหลายประเภท เช่น ตะกร้อวง ตะกร้อลอดห่วง ตะกร้อชิงธงและการแสดงตะกร้อพลิกแพลงต่างๆ ซึ่งการเล่นตะกร้อของประเทศอื่นๆนั้นมีการเล่นไม่หลายแบบหลายวิธีเช่นของไทย เรา การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาตามลำดับทั้งด้านรูปแบบและวัตถุ ดิบในการทำจากสมัยแรกเป็นผ้า , หนังสัตว์ , หวาย , จนถึงประเภทสังเคราะห์ ( พลาสติก )
ความหมาย คำว่าตะกร้อ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ . ศ . 2525 ได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า ” ลูกกลมสานด้วยหวายเป็นตา สำหรับเตะ “
- See more at: http://www.parwat.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AC%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD.html#sthash.fBRk2fyH.dpuf

ระวัติกีฬาตะกร้อต่างประเทศ กีฬาเซปักตะกร้อ

การแข่งขันตะกร้อตะกร้อ เป็นการละเล่นของไทยมาแต่โบราณ แต่ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่ามีมาตั้งแต่สมัยใด แต่คาดว่าราว ๆ ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประเทศอื่นที่ใกล้เคียงก็มีการเล่นตะกร้อ คนเล่นไม่จำกัดจำนวน เล่นเป็นหมู่หรือเดี่ยวก็ได้ ตามลานที่กว้างพอสมควร ตะกร้อที่ใช้เดิมใช่หวายถักเป็นลูกตะกร้อ ปัจจุบัน นิยมใช้ลูกตะกร้อพลาสติก
การเตะตะกร้อเป็นการเล่นที่ผู้เล่นได้ออก กำลังกายทุกสัดส่วน ฝึกความว่องไว ความสังเกต มีไหวพริบ ทำให้มีบุคลิกภาพดี มีความสง่างาม และการเล่นตะกร้อนับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของไทยอย่างหนึ่ง
ในการค้นคว้าหาหลักฐานเกี่ยวกับแหล่ง กำเนิดการกีฬาตะกร้อในอดีตนั้น ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจนว่ากีฬาตะกร้อนั้นกำเนิดจากที่ใด จากการสันนิษฐานคงจะได้หลายเหตุผลดังนี้
ประเทศพม่า เมื่อประมาณ พ.ศ. 2310 พม่ามาตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์สามต้น ก็เลยเล่นกีฬาตะกร้อกัน ซึ่งทางพม่าเรียกว่า “ชิงลง”
          ทางมาเลเซียก็ประกาศว่า ตะกร้อเป็นกีฬาของประเทศมาลายูเดิมเรียกว่า ซีปักรากา (Sepak Raga) คำว่า Raga หมายถึง ตะกร้า
         ทางฟิลิปปินส์ ก็นิยมเล่นกันมานานแล้วแต่เรียกว่า Sipak
         ทางประเทศจีนก็มีกีฬาที่คล้าย กีฬาตะกร้อแต่เป็นการเตะตะกร้อชนิดที่เป็นลูกหนังปักขนไก่ ซึ่งจะศึกษาจากภาพเขียนและพงศาวดารจีน ชาวจีนกวางตุ้งที่เดินทางไปตั้งรกรากในอเมริกาได้นำการเล่นตะกร้อขนไก่นี้ไป เผยแพร่ แต่เรียกว่าเตกโก (Tek K’au) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกขนไก่
         ประเทศเกาหลี ก็มีลักษณะคล้ายกับของจีน แต่ลักษณะของลูกตะกร้อแตกต่างไป คือใช้ดินเหนียวห่อด้วยผ้าสำลีเอาหางไก่ฟ้าปัก
         ประกาศไทยก็นิยมเล่นกีฬาตะกร้อมายาวนาน และประยุกต์จนเข้ากับประเพณีของชนชาติไทยอย่างกลมกลืนและสวยงามทั้งด้าน ทักษะและความคิด

 

ประวัติกีฬาตะกร้อในประเทศไทย


   ในสมัยโบราณนั้นประเทศไทยเรามีกฎหมายและวิธีการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยการนำเอานักโทษใส่ลงไปในสิ่งกลมๆที่สานด้วยหวายให้ช้างเตะ แต่สิ่งที่ช่วยสนับสนุนประวัติของตะกร้อได้ดี คือ ในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาของรัชกาลที่ 2 ในเรื่องมีบางตอนที่กล่าวถึงการเล่นตะกร้อ และที่ระเบียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเขียนเรื่องรามเกียรติ์ ก็มีภาพการเล่นตะกร้อแสดงไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้
โดยภูมิศาสตร์ของไทยเองก็ส่งเสริมสนับสนุนให้เราได้ทราบประวัติของตะกร้อ คือประเทศของเราอุดมไปด้วยไม้ไผ่ หวายคนไทยนิยมนำเอาหวายมาสานเป็นสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงการละเล่นพื้นบ้านด้วย อีกทั้งประเภทของกีฬาตะกร้อในประเทศไทยก็มีหลายประเภท เช่น ตะกร้อวง ตะกร้อลอดห่วง ตะกร้อชิงธงและการแสดงตะกร้อพลิกแพลงต่างๆ ซึ่งการเล่นตะกร้อของประเทศอื่นๆนั้นมีการเล่นไม่หลายแบบหลายวิธีเช่นของไทย เรา การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาตามลำดับทั้งด้านรูปแบบและวัตถุ ดิบในการทำจากสมัยแรกเป็นผ้า , หนังสัตว์ , หวาย , จนถึงประเภทสังเคราะห์ ( พลาสติก )
ความหมาย คำว่าตะกร้อ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ . ศ . 2525 ได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า ” ลูกกลมสานด้วยหวายเป็นตา สำหรับเตะ “
- See more at: http://www.parwat.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AC%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD.html#sthash.fBRk2fyH.dpufื

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น